เมนู

5. ธรรมสูตร


ว่าด้วยเรื่องสุกธรรมประจำโลก 2 ประการ


[220] จริงอยู่ พระสูตรนี้พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสแล้ว พระสูตรนี้
พระผู้มีพระภาคเจ้าผู้เป็นพระอรหันต์ตรัสแล้ว เพราะเหตุนั้น ข้าพเจ้าได้สดับ
มาแล้วว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สุกธรรม 2 ประการนี้ย่อมรักษาโลก 2
ประการเป็นไฉน คือ หิริ 1 โอตตัปปะ 1 ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ถ้าว่าสุก-
ธรรม 2 ประการนี้จะไม่พึงรักษาโลกไซร้ ในโลกนี้ก็ไม่พึงปรากฏว่า มารดา
น้า ป้า ภรรยาของอาจารย์ หรือว่าภรรยาของครู โลกจะถึงความปะปนกัน
ไป เหมือนอย่างแพะ แกะ ไก่ สุกร สุนัข สุนัขจิ้งจอกฉะนั้น ดูก่อน
ภิกษุทั้งหลาย ก็เพราะเหตุที่สุกธรรม 2 ประการนี้ยังรักษาโลกอยู่ ฉะนั้นจึง
ยังปรากฏว่า มารดา น้า ป้า ภรรยาของอาจารย์ หรือว่าภรรยาของครู.
พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสเนื้อความนี้แล้ว ในพระสูตรนั้น พระผู้มี-
พระภาคเจ้าตรัสคาถาประพันธ์ดังนี้ว่า
ถ้าสัตว์เหล่าใด ไม่มีหิริและโอต-
ตัปปะในกาลทุกเมื่อไซร้ สัตว์เหล่านั้นมี
สุกธรรมเป็นมูลปราศไปแล้ว เป็นผู้ถึง
ชาติและมรณะ ส่วนสัตว์เหล่าใด เข้าไป
ตั้งหิริและโอตตัปปะไว้โดยชอบในกาลทุก
เมื่อ สัตว์เหล่านั้นมีพรหมจรรย์งอกงาม
เป็นผู้สงบ มีภพใหม่สิ้นไปแล้ว.

เนื้อความแม้นี้พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสแล้ว เพราะเหตุนั้น ข้าพเจ้า
ได้สดับมาแล้ว ฉะนี้แล.
จบธรรมสูตรที่ 5

อรรถกถาธรรมสูตร


ในธรรมสูตรที่ 5 พึงทราบวินิจฉัยดังต่อไปนี้ :-
บทว่า สุกฺกา ชื่อว่า สุกธรรมเพราะเป็นธรรมขาว ก็สุกธรรม
ย่อมเป็นไปเพื่อความผ่องแผ้วอย่างยิ่ง โดยความเป็นธรรมขาว เพราะเหตุนั้น
ธรรมทั้งหลายชื่อว่า ขาว เพราะเป็นธรรมขาวบริสุทธิ์ . ธรรมทั้งหลายที่เป็น
กุศลทั้งปวง แม้โดยพร้อมด้วยรสชื่อว่า ธรรมขาว เพราะตรงข้ามกับความเป็น
ธรรมดำ. ด้วยว่าเพราะธรรมขาวเกิดขึ้น จิตจึงเป็นประภัสสรบริสุทธิ์. บทว่า
ธมฺมา ได้แก่ธรรมเป็นกุศล. บทว่า โลกํ ได้แก่สัตวโลก. บทว่า ปาเลนฺติ
ได้แก่ วางขอบเขตรักษาด้วยการรองรับไว้ ทรงไว้.
ในบทว่า หิริ จ โอตฺตปฺปญฺจ นี้พึงทราบอธิบายดังต่อไปนี้
ชื่อว่า หิริ เพราะอันเขาละอาย. หรือชื่อว่า หิริ เพราะเป็นเหตุละอาย.
แม้ข้อนี้ท่านก็กล่าวไว้ว่า ข้อที่อันบุคคลละอายด้วยสิ่งที่ควรละอาย คือ ละอาย
ต่อความเกิดแห่งอกุศลธรรมอันลามก ท่านเรียกว่า หิริ. ชื่อว่า โอตตัปปะ
เพราะกลัว. หรือชื่อว่า โอตตัปปะ เพราะเป็นเหตุกลัว. แม้ข้อนี้ท่านก็กล่าว
ไว้ว่า ข้อที่กลัวสิ่งที่ควรกลัว คือ กลัวต่อความเกิดแห่งอกุศลธรรมอันลามก
ท่านเรียกว่า โอตตัปปะ.